UFASTAR คือบริษัทเว็บไซต์ผู้ให้บริการโดยตรงของ UFABET พนันออนไลน์ อันดับ 1 ของประเทศไทยและอันดับ 1 ของเอเชีย มีความมั่นคงทางการเงินสูง
เปิดเรื่องราว ถอดรหัส แชมป์ไร้พ่าย ยอดทีมแห่งถนนฮอลโลเวย์ สโมสรฟุตบอลเก่าแก่ที่ถือกำเนิดขึ้นจากแนวคิดของ กลุ่มคนงานโรงงานผลิตอาวุธอาร์เซนอล
ประเทศอังกฤษ ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองที่มีวัฒนธรรมลูกหนัง พร้อมความคลั่งไคล้มากที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป นับตั้งแต่เปลี่ยนชื่อมาเป็นพรีเมียร์ลีก
สโมสรที่สร้างสถิติลงเล่นตลอดทั้งฤดูกาลโดยที่ไม่แพ้ใครเลย (นับเฉพาะเกมในลีก) ทีมแรกที่ทำได้คือ อาร์เซนอล เมื่อฤดูกาล 2003-04
แต่กว่าจะถึงฤดูกาลประวัติศาสตร์ในยุคนั้น พวกเขาผ่านเรื่องราวมากมาย และ เกิดอะไรในช่วงเวลานั้น จนทำให้พวกเขาสร้างสถิติครองแชมป์แบบไม่แพ้ทีมใดเลยครั้งแรกในอังกฤษ
กีฬายอดนิยมของผู้คนทั่วโลก ที่รู้จักกันในชื่อของ “ฟุตบอล” ถูกคิดค้นโดย ชาวจีน ช่วง ศตวรรษที่สามก่อนคริสตกาล ด้วยการเล่นกีฬาโดยใช้เท้าเตะลูกบอลเข้าไปในตาข่าย ก่อนจะพัฒนาลักษณะรูปแบบแข่งขัน และได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายออกไปทั่วโลก
แต่หากเอ่ยถึงพัฒนาการที่นำมาสู่ฟุตบอลสมัยใหม่ดังเช่นปัจจุบัน ก็ต้องยกให้ดินแดนอังกฤษ ที่เป็นแหล่งวางรากฐานกฎกติกาให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน
เชื่อกันว่า แทงบอลออนไลน์ ยุคแรกถือกำเนิดจากฟุตบอลโรงเรียน ซึ่งจำเป็นต้องวางกฎเกณฑ์ให้สอดคล้องกันในการแข่งขันระดับโรงเรียนและมหาวิทยาลัย จนเกิดเป็น “กติกาเคมบริดจ์” ในปี ค.ศ. 1848
ภายหลังถูกนำไปปรับใช้ในสโมสรระดับมณฑล และ สโมสรสุภาพบุรุษในลอนดอน ต่อมาก็พัฒนากลายเป็นรากฐานของการเล่นฟุตบอลสมัยใหม่มาจนถึงวันนี้ ขณะที่ฟุตบอลลีก เกิดขึ้นตามหลังมาในช่วง 3 ทศวรรษหลังของศตวรรษที่ 19
เดิมที บาคาร่า “ฟุตบอลลีกดิวิชั่นหนึ่ง” มีจัดการแข่งขันครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1888 ซึ่งนับว่าเป็นลีกฟุตบอลอาชีพที่มีความเก่าแก่ที่สุดในโลก
ก่อนที่ปัจจุบัน ลีกฟุตบอลสูงสุดของอังกฤษถูกเรียกชื่อว่า “ พรีเมียร์ลีก ” (Premier League) หลังได้รับการเปลี่ยนครั้งสำคัญในฤดูกาล 1992-93 จากแนวคิดของ รูเพิร์ธ เมอร์ด็อก (Rupert Murdoch) นักธุรกิจนักธุรกิจสื่อสถานีชั่นนำ
โดยเป็นการแยกตัวออกจาก “ลีกฟุตบอลอังกฤษ” (English Football League-EFL) นั่นเอง
คำตอบคือ ใช่ !! ย้อนกลับไปในช่วง ลีกอาชีพของ อังกฤษ เริ่มตั้งไข่ เมื่อฤดูกาล 1888-89 และ คือ ฤดูกาลแรกของการแข่งขันฟุตบอลลีก
สโมสร เพรสตัน นอร์ธ เอนด์ (Preston North End) เป็นแชมป์ทีมแรก ของลีกฟุตบอลอาชีของอังกฤษ ซึ่ง เพรสตัน นอร์ธ เอนด์ เป็นแชมป์โดยไม่แพ้ใครใน 22 แมตช์ในเกมลีก
โดยในยุคนั้น จำนวนทีมในลีกมีทั้งหมด 12 ทีม ส่วนลีกอื่นๆ ในยุโรปไปจนถึงภูมิภาคอื่นต่างทยอยปรากฏทีมที่ทำสถิติแชมป์ไร้พ่าย ได้เช่นกัน ตัวอย่างในยุโรปมีทีมอย่าง เอซี มิลาน , ยูเวนตุส และ เซลติก ที่เคยทำสถิติไร้พ่ายตลอดฤดูกาลได้เช่นกัน
ส่วนไทยลีกบ้านเรามี เมืองทองฯ และ บุรีรัมย์ฯ เคยคว้าแชมป์ไร้พ่ายได้เช่นกัน
อย่างที่กล่าวไปในบทความตอนต้น ลีกฟุตบอลอังกฤษ ได้แยกตัวออกมาเป็น พรีเมียร์ลีก เมื่อปี 1992 เรื่อยมาจนถึงฤดูกาล 2019-20
สโมสรฟุตบอลในอังกฤษที่ลงเล่นเกมลีกจนจบฤดูกาล (เฉพาะเกมลีก) โดยที่ไม่แพ้ทีมในลีกเลย มีเพียงยอดทีมจากลอนดอน อย่าง อาร์เซนอล เท่านั้นที่สามารถคว้าแชมป์แบบไร้พ่ายไปครองได้อย่างยิ่งใหญ่
อาร์เซนอล ทำสถิติลงเล่นตลอดฤดูกาล 2003-04 (ชนะ 26 เสมอ 12 มี 90 แต้ม) ไม่แพ้ใครในลีกติดต่อกันนานที่สุด มาจนถึงปัจจุบันนี้ (2020) เล่นบาคาร่า sa casino
อาร์เซนอล สร้างประวัติศาสตร์ครองแชม์ปไร้พ่ายยาวนานที่สุดในศึกพรีเมียร์ลีก ภายใต้การคุมทีมของ อาร์แซน เวนเกอร์
จากผลงานไร้พ่ายสูงสุดในพรีเมียร์ลีก 49 นัด ฤดูกาล 2003/2004 นับตั่งแต่วันที่ 12 พฤษภาคม 2003 ถึง 24 ตุลาคม 2004 และ ปัจจุบันยังไม่มีทีมใดโค่นสถิตินี้ลงไปได้
อาร์แซน เวนเกอร์ (Arsène Wenger) ขณะนั้น ทำหน้าที่กุนซือให้กับ โมนาโก มีคิวดูเกมที่กาลาตาซาราย ในตุรกี เพื่อมองหานักเตะที่ตอนเองสนใจ จากนั้นเขามีโอกาสแวะพักที่อังกฤษ
และการสเก๊านักเตะในครั้งนี้ เวงเกอร์ เกิดความสนใจว่าระหว่างแวะพักที่อังกฤษ จะมีเกมการแข่งขันให้ชมบ้างหรือไม่
กุนซือชาวฝรั่งเศส ตัดสินใจโทรศัพท์หา เดนนิส โรช เอเยนต์ส่วนตัวของ เกล็น ฮอดเดิล ศูนย์หน้าชาวอังกฤษ ที่เป็นลูกทีม เวงเกอร์ ในสโมสรโมนาโก โรช ตอบกลับมาว่าเขามีตั๋วเกมอาร์เซนอล
และนั่นก็เป็นครั้งแรกที่ เวงเกอร์ ได้สัมผัสมนต์เสนห์ของ ไฮบิวรี่ (Highbury) สนามเหย้าเดิมของอาร์เซนอล
เวงเกอร์ ได้ดูเกมดาร์บี้แมตช์ที่ อาร์เซนอล เก็บชัยด้วยสกอร์ 2-0 ยุคนั้นมีผู้เล่นอย่าง สตีฟ โบลด์ , ไนเจล วินเทอร์เบิร์น และ โทนี่ อดัมส์ เป็นอีกครั้งที่ทักษะทางสังคมของ เดวิด ดีน หนึ่งในบอดร์บริหารสโมสรแห่งกรุงลอนดอน ได้เริ่มสร้างความสัมพันธ์ที่ประโยชน์ให้กับสโมสร
เขามีโอกาสได้คุยกับ เวงเกอร์ ในเลาจ์ และ ชักชวนกุนซือรายนี้ร่วมทานอาหารค่ำในบ้านของเพื่อนของดีน บทสนทนาวันนั้นเพาะเมล็ดพันธุ์ที่จะเติบโต และ กลายเป็นประวัติศาสตร์ในเวลาต่อมา
เวงเกอร์ เลือกอำลา โมนาโก แต่ยังไม่ได้ทำหน้าที่กุนซือให้กับ อาร์เซนอล แต่อย่างใด โดยกุนซือเมืองน้ำหอม เลือกที่จะรับงานในญี่ปุ่นกับ นาโกย่า แกรมปัส เอท (Nagoya Grampus Eight) ในปี 1995
ซึ่งทำเอาเราๆ ท่านๆ แปลกใจพอสมควร ว่าเหตุใดเขาจึงตัดสินใจแบบนั้น หากมองในแง่ช่วงเวลาของจังหวะและ โอกาสแล้ว มันกลับกลายเป็นช่วงเวลาที่เหมาะเจาะพอดี
นั่นก็เพราะ หนึ่งเดือนให้หลัง เกรแฮม ถูกปลดจากตำแหน่ง จากกรณีฉาวรับเงินสินบนจาก เอเยนต์ชาวนอร์เวย์
บทสนทนาบนโต๊ะอาหารในวันนั้น (เมื่อปี 1889) เริมสัมฤธิ์ผล.. เดวิด ดีน หนึ่งในบอดร์บริหารของ อาร์เซนอล ก็นึกถึงชื่อของ เวงเกอร์ ขึ้นมาทันที และเขาได้แนะนำให้สมาชิกบอร์ดบริหารถึง ชื่อเสียงของกุนซือเมืองน้ำหอมรายนี้
เหมือนโชคชะตาเล่นตลก สมาชิกบอร์ดส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดของ เดวิด ดีน ก่อนที่จะ แต่งตั้ง บรูซ ริอ็อก (Bruce Rioch) ทำหน้าที่กุนซือ เขาทำงานกับทีมไม่นานนักก็ต้องพ้นตำแหน่งเนื่องจากไม่ลงรอยกับบอร์ด ขณะที่สโมสรมองหากุนซือรายต่อไป
ความมั่นใจในตัว เวงเกอร์ ของ เดวิด ดีน จากความสัมพันธ์ 5 ปี ท้ายที่สุดแล้ว เวงเกอร์ ตกลงมาร่วมงานกับอาร์เซนอล ในช่วงกลางปี 1996
การทำงานร่วมกันระหว่างเดวิด กับอาร์แซน ช่วยพัฒนาสโมสรอย่างต่อเนื่องในเวลาต่อมา เวงเกอร์ เป็นสมองที่นำวิสัยทัศน์เรื่องฟุตบอลเข้ามา ขณะที่เดวิด ถือสมุดจดเบอร์โทรศัพท์ และ แทคติกการเจรจาติดต่อด้านต่างๆ เพื่อปิดดีลทางธุรกิจ
สุดยอดผู้เล่นของทีมในยุคนั้นอย่างลี ดิกสัน (Lee Dixon) หรือเอียน ไรท์ (Ian Wright) ต่างเล่าถึงความทรงจำที่เห็น เวงเกอร์ ในครั้งแรกว่า เขาเหมือนครูสอนภูมิศาสตร์ ในสภาพผอมสูง สวมแว่นตาใหญ่ๆ สูทตัวโคล่งๆ แทงบอลออนไลน์ ที่นี่ ufa777
แต่เมื่อเวงเกอร์ เริ่มทำงานที่เกี่ยวกับฟุตบอล ทุกคนรู้ทันทีว่า.. เขาคือผู้เชี่ยวชาญ
เอมี ลอว์เรนส์ คอลัมนิสต์ และ แฟนบอลอาร์เซนอล เล่าว่า งานระยะเริ่มต้นของ เวงเกอร์ คือการเอาชนะใจบุคลากรในสโมสร และสิ่งนั้น เขาเองก็ทำมันได้ไม่ยาก แม้ด้วยการที่มีลูกทีมที่มีคาแรกเตอร์หลากหลาย
แต่เขาเป็นคนที่เปิดมมุมมองกว้างพอ และให้ความสนใจ พร้อมซึมซับสิ่งต่างๆ ของนักเตะมากพอสมควร
“สิ่งหนึ่งที่ปรากฏให้เห็นตลอดช่วงเวลาที่ทีมประสบความสำเร็จ นั่นก็คือ เวงเกอร์ ชอบเลือกผู้เล่นที่มีไหวพริบมากพอจะเรียนรู้ ซื้อด้วยการที่เป็นกุนซือที่มีวิสัยทัศ มันจึงกลายเป็นส่วนผสมระหว่าง ครูที่น่าเชื่อถือกับนักเรียนที่กระตือรือร้น และมันช่วยการทำงานของเขาให้ง่ายขึ้นอย่างมาก”
ลี ดิกสัน (Lee Dixon) กองหลังคนดังในทีมยุครุ่งเรืองของอาร์เซนอล กล่าวคล้ายกันว่า “โดยทั่วไปแล้ว รากฐานการโค้ชของเขาวางอยู่บนเรื่องไหวพริบสติปัญญาของผู้เล่น และความถนัดของผู้เล่น”
ไม่นานนักการเปลี่ยนแปลงในสโมสรก็ค่อยๆ เริ่มต้นขึ้น เวงเกอร์ เข้ามาริเริ่มรูปแบบ โภชนาการ วิทยาศาสตร์การแพทย์ ระบบบริหารจัดการ สนามซ้อม ทีละเล็กละน้อย ให้ทันสมัยและเกิดประโยชน์สูงสุดมากยิ่งขึ้น
” ลี ดิกสัน ” อดีตปราการหลังมากประสบการณ์ของอาร์เซนอล เล่าว่า วิธีทำงานของเวงเกอร์ ไม่ใช่รูปแบบการยัดข้อมูล “ล้างสมอง” คือเขสเข้ามาแนะนำสิ่งต่างๆ พร้อมอธิบายอย่างเป็นเหตุเป็นผลว่า จะเกิดอะไรขึ้นหากใช้สิ่งนั้น หรือ วอร์มร่างกายแบบนี้
ก่อนหน้านี้อาร์เซนอล เป็นที่รู้จักในนามว่า “Boring Arsenal” พวกเขาขึ้นชื่อเรื่องความน่าเบื่อ กองหน้าเดี่ยว เมื่อได้สกอร์ขึ้นนำแค่ประตูเดียวก็พากันลงไปเล่นเกมรับกันทั้งทีม
” เดนนิส เบิร์กแคมป์ ” หอกชาวดัตช์มองว่า หากจะเป็นทีมชั่นนำระดับแถวหน้าของยุโรป เราไม่ควรเล่นแบบนี้ เขามองว่า การเปลี่ยนแปลงของ เวงเกอร์ เป็นเรื่องธรรมดาสำหรับทีมมีแนวคิดในระดับทวีป แต่เรื่องธรรมดานี้.. ช่วยยกระดับทีมอยู่ระดับแถวหน้าได้ในที่สุด
จากรากฐานการเปลี่ยนแปลงที่ส่งผลมาถึงภาพใหญ่ของสโมสร สไตล์ทีมเปลี่ยนไป นอกเหนือจากชัยชนะแล้ว สิ่งที่จะวัดผลย่อมคือถ้วยแชมป์ มันสัมฤทธิ์ผลขึ้น เมื่อพวกเขาประสบความสำเร็จทันทีในฤดูกาลต่อมา หลัง เวงเกอร์ คุม อาร์เซนอล ได้เพียง 1 ปี
อาร์เซนอลคว้าดับเบิลแชมป์ (พรีเมียร์ลีก และ เอฟเอ คัพ) ในฤดูกาล 1997-98 พวกเขาสามารถยกระดับทีม ขึ้นมาขับเคี่ยวกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ของเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ซึ่งครองหัวตารางฟุตบอลอังกฤษมาต่อเนื่อง
ด้วยส่วนผสมระหว่างแนวหลังมากประสบการณ์ กับผู้เล่นหน้าใหม่อย่าง นิโคลาส์ อเนลก้า ซึ่ง ดิกสัน ได้เล่าว่า ปีนั้น อเนลก้า ปีนั้นเขาโฟกัสงานของตัวเองด้วยการทะลวงตาข่ายคู่แข่ง
อาร์แซน เวงเกอร์ เขียนบทนำผ่านบทความ “The Invincibles (football)” ไว้ว่า แชมป์ไร้พ่ายเป็นความฝันของเขาเสมอมา
อาจเป็นเพราะทัศนคติส่วนตัว บวกการทำงานของแบบเต็มความสามารถที่สุด แน่นอนว่า การได้แชมป์อาจเป็นความสำเร็จแล้ว แต่เป้าหมายที่สูงกว่านั้นนั่นก็คือ การสร้างสถิติแรกในอังกฤษด้วยการเป็นแชมป์ไร้พ่าย
กุนซือเมืองนำหอม เคยพา อาร์เซนอล ได้แชมป์โดยไม่แพ้ใครในบ้านเลย ในปี 2001-02 แต่ปีต่อมาพวกเขาก็แพ้ ซึ่ง เวงเกอร์ ได้เปิดใจความส่วนหนึ่งว่า
“ช่วงพรีซีซั่น ฤดูกาล 2003-04 เราประชุมผู้เล่นพร้อมวิเคราะห์ว่าทำไมเราไม่ได้แชมป์กัน และลูกทีมอย่าง มาร์ติน คีโอว์น ตอบผมว่า มันเป็นความผิดของคุณ”
” ใช่ ผมยินดีรับผิดชอบ แล้วทำไมนายถึงคิดแบบนั้น คีโอว์นตอบผมว่า คุณทำให้พวกเรารู้สึกกดดันเกินไป ไอเดียที่ว่าจะได้แชมป์โดยไม่แพ้ใครมันกดดันพวกเราเกินไป มันเป็นไปไม่ได้”
“ที่ผมพูดแบบนั้นเพราะคิดว่า พวกนายทำได้แน่.. ก็ต่อเมื่อพวกนายต้องอยากทำมันจริงๆ และ มันจะเป็นความสำเร็จที่น่าเหลือเชื่อมากหากเรา เป็นทีมแรกที่ทำได้’
“ผมรู้สึกว่า ทีมชุดนี้มีทุกอย่าง ทั้งในแง่ไหวพริบความชาญฉลาด สภาพจิตใจที่ไปได้พร้อมๆ กัน และสภาพร่างกายที่มีศักยภาพเพียงพอ”
คุณสมบัติพิเศษเฉพาะตัวของพวกเขา ทุกคนแตกต่างกันหมด แต่พอมาร่วมงานกันทำให้ทีมพิเศษมากขึ้นไปอีก
พวกเขาทำให้ผมเห็นว่า คุณสามารถทำสิ่งที่คิดว่าคุณจะไม่สามารถทำมันได้แน่ๆ ให้ออกมาสำเร็จได้”
ความสำเร็จมาพร้อมความสามารถ และโชคชะตา เรื่องนี้อาจไม่ใช่สิ่งที่บางคนเชื่อถือนัก แต่หากดูตัวอย่างกรณีของอาร์เซนอล บางทีอาจคิดเหมือนกันว่า โชคชะตาคงมีส่วนบ้างไม่มากก็น้อย โดยเฉพาะกับเกมสุดเดือดในตำนานที่สนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด
เมื่อ 21 กันยายน 2003 เกมนัดที่ 6 ของฤดูกาล 2003-04 เกมนี้เป็นที่รู้จักกันในหมู่แฟนบอลว่า “ศึกแห่งโอลด์แทรฟฟอร์ด” (Battle of Old Trafford) ที่เกมจบลงด้วยสกอร์ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อาร์เซนอล 0-0
หลังผ่านศึกแห่งโอลด์แทรฟฟอร์ดไป อาร์เซนอล สามารถรวมตัวรวมใจกลับมาได้ และเก็บชัยในเกมสำคัญหลายเกม อาทิ ชนะ นิวคาสเซิล 3-2 , ชนะลิเวอร์พูล 2-1 และชนะเชลซี 2-1
ไม่ใช่แค่เฉพาะความพิเศษของทีมเท่านั้นที่สร้าง ตำนาน ไร้พ่าย แต่มันคือความทุ่มเทจากทุกฝ่าย ที่จะเขียนหน้าประวัติศาสตร์สำคัญให้ตนเอง
ถอดรหัส อีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์สำคัญ ของสโมสร อาร์เซนอล โดยเฉพาะในช่วงฤดูกาล 2003-2004 ซึ่งขณะนั้นเป็น ยุค ของปืนใหญ่ ไร้พ่าย เป็นยุคที่สร้างชื่อจนเป็นที่จดจำมากที่สุดปีหนึ่ง จากสถิติผลงานแชมป์ไร้พ่าย พรีเมียร์ลีกของทีมนั่นเอง / กำเนิด ไอ้ปืนใหญ่
หลายคนยังจำกันได้ ฤดูกาลที่ 109 ของ อาร์เซนอล อาร์แซน เวนเกอร์ พาทีมจบฤดูกาล ด้วยสถิติชนะ 26 นัดและเสมอ 12 นัด ไม่แพ้ใคร ทำให้ชื่อของสโมสร อาร์เซนอล ถูกกล่าวขานและจารึกไว้ใน ประวัติศาสตร์ ของ พรีเมียร์ลีก มาจนถึงปัจจุบันนี้
จอมหนึบ ชาว เยอรมัน คือ ผู้รักษาประตูคนสำคัญที่ช่วยให้ ปืนใหญ่ คว้า แชมป์ไร้พ่าย พรีเมียร์ลีก และย้ายออกจากทีมในปี 2008
เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ ที่โดนกระแสวิจารณ์อย่างหนักหลังย้ายเข้ามาร่วมทีมกับ อาร์เซนอล ในปีแรก แต่ทว่าปีต่อมาเขาสามารถยกระดับยึดตำแหน่งตัวจริง เล่น คู่กับ โซล แคมพ์เบลล์ และช่วยให้ทีม คว้าแชมป์ ไร่พ่าย ในปีนั้น
แม้อันที่จริง เอตาเม่ จะถนัดเล่นในตำแหน่ง ปีกขวา แต่ทว่า กุนซือชาวฝรั่งเศส มอบหมายให้เขาเล่น ตำแหน่ง แบ็คขวา และ แจ้งเกิดได้อย่างงดงาม ก่อนที่ปี 2007 เขาจะหมดสัญญา และย้ายไปค้าแข้งกับ พอร์สมัธ
สุดยอดกองหลัง ที่ดีที่สุด ของทีมชาติอังกฤษคนหนึ่ง ซึ่งมีส่วนช่วย อาร์เซนอล ไร้พ่าย และ เป็น ผลงานโบว์แดง ของ เวนเกอร์ หลังย้ายมาจาก อริร่วมเมืองอย่าง “ไก่เดือยทอง” ท๊อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์
อีกหนึ่งผลิตผล ชั้นยอด ยุคไร้พ่าย โดยในปี 2006 เขาตัดสินใจ ย้ายไปค้าแข้งกับ เชลซี และ ยุติการค้าแข้งกับ แอลเอ กาแลคซี่ ที่ สหรัฐอเมริกา
ปีกจอมจบสกอร์สำคัญ ยุคไร้พ่ายโดยหลังจากที่ อำลาจาก การเป็นนักเตะ ได้มาเป็นผู้ช่วยโค้ช กับ อาร์เซนอล ในปัจจุบันนี้
ห้องเครื่องเลือด แซมบ้า สร้างผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม นับตั้งแต่ยุคไร้พ่ายจนทำให้ทุกวันนี้ สโมสรอาร์เซนอล ยังไม่สามารถหา นักเตะมิดฟิลด์ที่มีฟอร์มการเล่นเช่นเขา มาแทนที่ได้อีกเลย
ตำนานดาวดังแห่ง อาร์เซนอล ขนานแท้ พร้อมถูกขนานนามว่า “กัปตันฮาร์แมน” โดยเขามีส่วนสำคัญอย่างยิ่งเสมือนเป็นหัวเรือใหญ่ของเพื่อนร่วมทีม ปัจจุบัน เขาทำหน้าเป็น ผู้จัดการทีม ให้กับ นีซ ใน ลีกเอิง ฝรั่งเศศ
ปีกหน้าหล่อ คู่ขาทำประตู ของ เธียร์รี อองรี เขา คือ ปีกนักปั้น ของ อาร์เซนอล ยุคไร้พ่าย ขนานแท้ จากผลงาน จ่าย-ยิง ของเขา จนสามารถช่วยทีมสร้างสถิติไร้พ่าย 49 นัดได้มาจนถึงปัจจุบัน
หอกผู้กลัวการนั่งเครื่องในตำนาน ที่ หลายคน ขนานนามว่าเขาคือ ดาวยิงชาวดัดซ์แมน ที่ยิงประตูสุดสวยให้เหล่า กูนเนอร์ ได้ชื่นชมมาโดยตลอด 10 ปี ใน ถิ่น เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ก่อนประกาศอำลาทีมไปเมื่อปี 2006
สุดยอดกองหน้าเลือดน้ำหอม เขาคือ 1 ใน ตำนานยอด 11 ขุนพลไร้พ่าย ที่โด่งดัง และ เก่ง ที่สุดเลยก็ว่าได้ ด้วยไสตล์การเล่นที่เป็นเอกลักษณ์
สามารถพาบอลเข้าทำได้อย่างหลากหลาย ทำให้เขาเป็นหนึ่งเดียวตลอดกาลของ ตำนาน อาร์เซนอล ที่อยู่ในความทรงจำของทุกคนมาจนถึงทุกวันนี้
หลายคนเข้าใจตรงกันว่าช่วงหลัง เวนเกอร์ โดนวิจารณ์ถึงความสำเร็จที่ห่างหายไปนานนับตั้งแต่ เคยได้แชมป์พรีเมียร์ลีก ครั้งสุดท้ายเมื่อฤดูกาล 2003-2004
เวนเกอร์ กล่าวสั้นๆ ว่า “หลังจากที่ผมพิจารณาอยู่นานมาก อีกทั้งผมยังได้คุยกับทางสโมสรแล้วว่า มันคือช่วงเวลาที่เหมาะสมของผมแล้ว ที่จะก้าวลงจากตำแหน่งหลังจบฤดูกาลนี้ ผมรู้สึกภาคภูมิใจเป็นอย่างมากที่ได้ทำหน้าที่รับใช้สโมสรแห่งนี้มานานถึง 22 ปี”
อย่างไรก็ตาม อาร์แซน เวนเกอร์ ได้สร้างผลงานการคว้าแชมป์ฟุตบอลรายการสำคัญๆ อย่าง พรีเมียร์ลีก อังกฤษ 3 สมัยกับ แชมป์เอฟเอ คัพ อีก 7 สมัย ตลอดจนเคยพา ไอ้ปืนใหญ่ ทะลุเข้ารอบชิงชนะเลิศ ศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก เมื่อปี 2006 ก่อนจะพ่าย “เจ้าบุญทุ่ม” บาร์เซโลนา 1-2 ไปอย่างน่าเสียดาย
เรื่องราว ถอดรหัส ความสำเร็จแชมป์ไร้พ่ายพรีเมียร์ลีก ถูกกล่าวขานผ่านการ เข้ามาของ เวงเกอร์ ที่ค่อยๆ วางรากฐาน ผสมผสานวิสัยทัศน์ด้านฟุตบอลของเขาเข้ากับส่วนผสมในทีมทั้งเก่าและใหม่
ต่อยอดมาจนถึงต้นยุค 2000 ซึ่งถือเป็นยุคทองของสโมสรแห่งลอนดอนเหนือ ดังเช่นผลงานแชมป์ไร้พ่ายลีกสูงสุดขอฃอังกฤษฤดูกาล 2003-04 นี้
บทความเพิ่มเติม : ตรวจหวยมาเลย์
อัพเดทล่าสุด : 10 ตุลาคม 2022